Blogs

11 ใบรับรอง Network Engineer มือใหม่ ควรมีในปี 2025

Network Engineer เป็นอีกหนึ่งในอาชีพที่ความต้องการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด ทุกองค์กรต่างมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านเครือข่ายที่จะช่วยดูแลระบบเครือข่ายให้มีความปลอดภัยและเสถียร พร้อมรองรับการใช้งานได้ตลอดเวลา การจะก้าวสู่สายงานวิศวกรเครือข่ายได้อย่างมั่นคง จึงต้องอาศัยทั้งทักษะในการทำงาน ความเข้าใจเพื่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงการเลือกสอบใบรับรองทักษะระดับสากล (Worldwide Certification) ให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร

 

Network Training Center ขอแนะนำ 11 คอร์ส Network Engineer มือใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในสายงาน และผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะ โดยมีทั้งหลักสูตรเพื่อการปูพื้นฐาน และหลักสูตรจากองค์กรระดับโลก ช่วยเตรียมความพร้อมให้ผู้เข้าอบรมสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจ ตลอดจนสอบใบรับรองทักษะ เพื่อการต่อยอดทางสายอาชีพได้อย่างไม่รู้จบ


Network Engineer ต้องรู้อะไรบ้าง?

การเป็น Network Engineer ต้องมีความรู้เกี่ยวกับระบบเครือข่ายอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถออกแบบระบบ ติดตั้ง บำรุงรักษา และแก้ไขปัญหาระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วย:

  • หลักการทำงานของระบบ LAN, WAN, Switching และ Routing
  • การกำหนด IP Address, Subnet Mask และ Network Topology
  • ความเข้าใจในอุปกรณ์เครือข่าย เช่น Router, Switch และ Firewall
  • การตั้งค่าความปลอดภัยเบื้องต้น เช่น Access Control, Encryption
  • ความรู้พื้นฐานด้าน Server และ Cloud Infrastructure
  • ทักษะการใช้ Python หรือ Scripting เพื่อจัดการระบบอัตโนมัติ
  • ทักษะการสื่อสาร และการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

แนะนำ 11 หลักสูตรสายเน็ตเวิร์ก สำหรับมือใหม่

เพื่อให้เหมาะสมกับระดับความรู้ของผู้เรียน เราขอแบ่งหลักสูตรใบรับรองออกเป็นสองกลุ่ม:

  • กลุ่มแรก (1–5): หลักสูตรปูพื้นฐาน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่ไม่มีพื้นฐานเครือข่ายมาก่อน
  • กลุ่มหลัง (6–11): หลักสูตรจากองค์กรระดับโลก เพื่อการต่อยอดความรู้ในเชิงลึก

หลักสูตรสำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่กำลังเริ่มต้น

  1. Fundamental Networking [FN]
    หลักสูตรปูพื้นฐานความรู้เครือข่าย ครอบคลุม 2 หัวข้อหลัก - Introduction to Networking Model ความเข้าใจในระบบเน็ตเวิร์ก และ Network Protocol การกำหนดค่าระบบให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. Fundamental Information Security [FIS]
    สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยข้อมูล, ภัยคุกคาม, การโจมตีรูปแบบต่าง ๆ , จุดอ่อนของ TCP/IP, วิธีป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามไซเบอร์, การบรรเทาความเสียหาย ตลอดจนแนวทางการส่งเสริมความปลอดภัย
  3. Fundamental Wireless LAN [FWL]
    เรียนรู้วิธีการออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่าย Wireless LAN ในระดับองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน การประเมินความต้องการใช้งาน อุปกรณ์เน็ตเวิร์กที่จำเป็น ตลอดจนวิธีการกำหนดค่าความปลอดภัย
  4. Hardening Network Infrastructure [HDN]
    หลักสูตรเพื่อการป้องกันระบบเครือข่าย และโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ตั้งแต่การทำ OS Hardening, การใช้งาน Firewall, IDS/IPS, VPN และการใช้เครื่องมือ Network Monitoring เพื่อเฝ้าระวังภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ
  5. Python for Network Engineer [PNE]
    เรียนรู้การเขียนโปรแกรมในภาษา Python ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน เพื่อประยุกต์ใช้กับการทำงานด้าน Network โดยเฉพาะ ทั้งการเรียกใช้ Library และการทำ Automation เพื่อให้ระบบเครือข่ายมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น

หลักสูตรจากองค์กรระดับโลก พร้อมสอบใบรับรอง

  1. Cisco CCNA
    หลักสูตรโดยตรงจาก Cisco เพื่อการสอบใบรับรอง CCNA ครอบคลุมการใช้งานอุปกรณ์เครือข่าย Cisco ทั้งระบบ ตั้งแต่การติดตั้ง, การกำหนดค่า IPv4/IPv6 บนอุปกรณ์ต่าง ๆ , การจัดการด้านความปลอดภัย
  2. CompTIA Network+
    หลักสูตรปูพื้นฐานด้านเครือข่ายเพื่อการสอบใบรับรอง CompTIA Network+ ทำความรู้จักกับอุปกรณ์, การกำหนดค่า, การจัดการ IP, ความปลอดภัยในระบบ, ตลอดจนแนวคิดเกี่ยวกับ Cloud และ Data Center
  3. CompTIA Security+
    หลักสูตร Cybersecurity เข้มข้นเพื่อการสอบใบรับรอง CompTIA Security+ ครอบคลุมตั้งแต่แนวคิดด้านความปลอดภัย, การจัดการภัยคุกคามและช่องโหว่ (Threats & Vulnerabilities), การออกแบบระบบความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
  4. CompTIA Server+
    เนื้อหาเพื่อการสอบใบรับรอง CompTIA Server+ เน้นการจัดการระบบเซิร์ฟเวอร์ ทั้งด้าน Hardware, Virtualization และ Troubleshooting เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเข้าใจโครงสร้างเบื้องหลังระบบเครือข่าย
  5. CompTIA Cloud+
    หลักสูตรเพื่อการสอบใบรับรอง CompTIA Cloud+ ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ Automation, Orchestration และ Virtualization พร้อมฝึกการจัดการ Cloud อย่างเต็มระบบ 
  6. EC-Council Certified Network Defender (CND)
    หลักสูตรด้านความปลอดภัยของระบบเครือข่ายจาก EC-Council เพื่อการสอบใบรับรอง CND เจาะลึกการตรวจจับภัยคุกคาม วิเคราะห์ และตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ Network Security ไปจนถึงการวางแผนและกู้คืนระบบเมื่อถูกโจมตี

ทำไมใบ Certification จึงมีความสำคัญ?

การมีใบรับรอง Network Engineer จากองค์กรระดับโลกนั้น นอกจากจะช่วยยืนยันความรู้และทักษะในการทำงานอย่างชัดเจนแล้ว ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในตัวคุณ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ว่าจ้าง และเปิดประตูสู่โอกาสการเติบโตในสายงานอีกด้วย


ใบ Certification ช่วยเสริม Career Path อย่างไร?

ในสายงานไอทีทุกแขนง การมีใบรับรองทักษะคือจุดเริ่มต้นของสายอาชีพที่มั่งคง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเริ่มต้นด้วยอาชีพ Network Technician คุณอาจเติบโตต่อไป ในตำแหน่งงานที่สูงขึ้นอย่าง Network Administrator หรือ Network Engineer

 

หรืออีกเส้นทางหนึ่ง อาจเป็นการย้ายสาย โดยเริ่มต้นจากการมีใบรับรองทักษะด้าน Network และนำไปใช้ต่อยอดในใบรับรองทักษะอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับสูงขึ้น อาทิ Cybersecurity, Cloud หรือ Data Center ส่งผลให้คุณสามารถต่อยอดสู่ตำแหน่งใหม่ ๆ อย่าง Security Analyst, Cloud Engineer หรือ Infrastructure Specialist ซึ่งล้วนเป็นตำแหน่งที่องค์กรระดับโลกต้องการตัวอยู่เสมอ


การอบรมกับ NTC ช่วยส่งเสริม Career Path อย่างไร?

เพราะที่ NTC เราเข้าใจดีว่าผู้เข้าอบรมแต่ละคนมีจุดเริ่มต้นและเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน เราจึงรวบรวมหลักสูตรจากองค์กรชั้นนำระดับโลกกว่า 500 หลักสูตร พร้อมรองรับความต้องการพัฒนาทักษะไอทีอย่างรอบด้าน ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือเป็นคนในสายงาน เราก็พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันคุณสู่ความสำเร็จ

เส้นทางการอบรมที่แนะนำ:

  • สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานเลย:
    Fundamental Networking → Network+ → CCNA
  • ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการต่อยอดทักษะ:
    Python for Network Engineer → Server+ → Cloud+
  • สำหรับผู้ที่สนใจสายงาน Cybersecurity:
    Fundamental Information Security → Security+ → CND
  • สำหรับผู้ที่มุ่งสู่ตำแหน่ง Network ขั้นสูง:
    CCNA → Server+ → Cloud+ → Security+

แนะนำการวางแผนเก็บใบ Certification

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นเรียนจากตรงไหนดี เราขอแนะนำให้เริ่มจากคอร์ส Fundamental Networking (FN) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทุกคนควรเรียน เพื่อให้คุณเข้าใจถึงโครงสร้างพื้นฐานของระบบเครือข่าย และการสื่อสารข้อมูล เช่น IP Address, Protocol, Routing และ Switching ได้อย่างชัดเจน จากนั้น คุณสามารถเลือกสายอาชีพที่สนใจต่อไปได้ อาทิ:

  • สาย Cisco: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความเชี่ยวชาญการใช้งานอุปกรณ์ Cisco โดยเลือกอบรม CCNA เป็นตัวต่อไป
  • สายกลาง: หากต้องการความรู้ที่เป็นกลาง ประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ให้เลือกอบรม CompTIA Network+
  • สายความปลอดภัยไซเบอร์​: หากสนใจด้าน Cybersecurity ควรเรียน Security+ และต่อด้วย CND
  • สาย Cloud หรือ Data Center: เลือกอบรม Cloud+ หรือ Server+ ต่อด้วยหลักสูตร Data Center โดยตรง

แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าต้องเลือกสายไหนดี? ไม่ต้องกังวล เพราะ NTC มีทีมที่ปรึกษามืออาชีพ เพียงแค่ติดต่อเรา ทีมงานของเราจะช่วยวางแผนการอบรม เลือกหลักสูตรให้เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ เพื่อให้คุณกลายเป็นบุคลากรที่ทุกองค์กรต่างต้องการตัว


Q&A ยอดนิยม

Q1: ถ้าไม่มีพื้นฐานด้านเน็ตเวิร์กเลย ควรเริ่มเรียนคอร์สไหนก่อน?

A: แนะนำให้เริ่มจากคอร์ส Fundamental Networking (FN) ซึ่งเป็นหลักสูตรปูพื้นฐานเข้าใจเรื่องระบบเครือข่ายตั้งแต่ต้น เหมาะกับผู้เริ่มต้นโดยเฉพาะ

 

Q2: ระหว่าง CCNA กับ Network+ เลือกเรียนอะไรดีกว่ากัน?

A: หากคุณต้องการเน้นอุปกรณ์ของ Cisco เป็นหลัก ควรเลือก CCNA แต่หากต้องการความรู้ที่ใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ควรเลือก CompTIA Network+

 

Q3: ควรมีใบรับรองกี่ใบถึงจะเริ่มสมัครงานได้?

A: การมีใบรับรองทักษะจากองค์กรชั้นนำ อย่าง CompTIA หรือ Cisco เพียงหนึ่งใบ ก็เพียงพอกับการสมัครงานตำแหน่ง Network Support หรือ Network Technician แล้ว คุณอาจเลือกสอบใบรับรองอื่น ๆ ต่อเนื่องได้ในภายหลัง

 

Q4: NTC มีอบรมออนไลน์ไหม?

A: NTC มีทั้งคอร์สเรียนในห้องอบรม (Onsite), เรียนแบบ Virtual Classroom หรือหากองค์กรต้องการจัดอบรมภายใน เรายังมีบริการ In-House พร้อมปรับเนื้อหาได้ตามต้องการ

 

Q5: จบหลักสูตรแล้วจะสอบได้อย่างไร?

A: NTC เป็นศูนย์อบรมและศูนย์สอบ Pearson VUE ที่ช่วยให้คุณสามารถทั้งอบรม และสอบใบรับรองทักษะได้เลยในที่เดียว


อย่าปล่อยให้โอกาสในการพัฒนาอาชีพด้าน Network หลุดมือ! ให้ NTC ช่วยคุณวางแผนเส้นทางใบรับรองที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ เริ่มต้นเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสอบใบรับรองและก้าวหน้าได้ทันที!

 

เริ่มต้นเลยวันนี้! เพื่อหาเส้นทางที่ใช่สำหรับคุณ!
Line: https://lin.ee/lprR4Xa
Email: sales@trainingcenter.co.th
Hotline: 083-779-7732